1.วิสัยทัศน์ กรมควบคุมโรค “ เป็นองค์การชั้นน้ำระดับนานาชาติ ที่สังคมเชื่อถือและไว้วางใจ เพื่อปกป้องประชาชนจากโรคและภัยสุขภาพ ด้วย.....................................................” ช่องว่าควรเติมข้อใด
1. ความเป็นธรรมและทั่วถึง ทั่วประเทศ
2. การเข้าถึงการรักษาประชาชนอย่างทั่วถึง
3. การควบคุมโรคอันเป็นเลิศ ภายในปี 2569
4. ความเป็นเลิศทางวิชาการ ภายในปี 2563
ตอบ ข้อ 4.
2.ข้อใดไม่ใช่พันธกิจ กรมควบคุมโรค
1. ส่งเสริมกระบวนการประสารงานร่วมมือเฉพาะเครือข่ายภายในประเทศ
2. ส่งเสริม สนับสนุน ถ่ายทอด แลกเปลี่ยนความรู้ ให้เครือข่ายประชาชน
3. ผลักดัน และติดตามการบังคับใช้กฎหมายที่จำเป็นต่อการปกป้องประชาชนจากโรค
4.พัฒนาและประเมินศักยภาพระบบ กลไกของเครือข่ายการดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค
ตอบ ข้อ 1.
3.กรณีมีเรื่องเกี่ยวกับ โรคระบาด หรือพบเห็น ควรแจ้งกรมควบคุมโรค เบอร์กลางใด
1. 1550 2. 1422 3. 1332 4. 1134
ตอบ ข้อ 2.
4.ค่านิยมหลักกของกรมควบคุมโรค คือ ข้อใด
1. ISRATT 2.ISMART
3. MSATR 4.SMART
ตอบ ข้อ 2.
5.ข้อใดไม่ใช่โรคติดต่ออันตราย ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2523
1. โรคไข้เหลือง 2. โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง
3. บาดทะยัก 4. โรคซึมเศร้า
ตอบ ข้อ 4.
6.มีอาการไข้นำมาก่อน ต่อมามีเยื่อบุหนังตาอักเสบ มีอาการคล้ายเป็นหวัด หลอดลมอักเสบและมีจุดสีแดงที่เยื่อบุแก้ม หลังจากมีไข้ประมาณ 3-7 วัน จะมีผื่นปรากฎที่บริเวณหน้า ต่อมาผื่นจะปรากฏทั้งตัวอยู่นาน 4-6 วัน แล้วจะลอกออกไป ปรากฎเป็นสีแดงคล้ำอยู่หลายวัน เป็นโรคอะไร
1. ไข้หัด 2.ไข้หัดเยอรมัน 3. ไข้รากสาด 4. ไข้เหลือง
ตอบ ข้อ 1.
7. โรคติดต่อใดที่กรมอนามัยโลกได้กำหนดให้ประเทศหรือเขตดินแดนติดต่อโรคดังกล่าว ต้องมีความแจ้งข่าวเมื่อมีการเกิดระบาดหรือเป็นโรคประจำท้องถิ่น
1. ไข้หัด 2.ไข้หัดเยอรมัน 3. ไข้รากสาด 4. ไข้เหลือง
ตอบ ข้อ 4.
8 . การป้องกันบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการปฏิบัติงานสารเคมี คือ ข้อใด
1. ไม่ควรให้ผู้ดื่มสุราหรือของมึนเมาปฏิบัติงานเกี่ยวกับสารเคมี
2. เจ้าของสวนส้มควรส่งพนักงานผู้รับผิดชอบในการปฐมพยาบาล
3. คนงานที่ฉีดพ่นสารเคมีต้องสวมเสื้อผ้า หมวก ถุงมือ
4. มีระบบประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษา
ตอบ ข้อ 1.
9. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากประเทศใดเป็นหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการป้องกัน ควบคุมและการรักษาพยาบาลด้านโรคจากการประกอบอาชีพโดยเฉพาะโรคพิษสารเคมี
1. สิงคโปร์ 2. จีน
3. ญี่ปุ่น 4. เกาหลี
ตอบ ข้อ 2.
10. ในพื้นที่มาบตาพุด พร้อมเก็บพิกัดทางภูมิศาสตร์ พบว่า ประชาชนที่อยู่ในชุมชนดังกล่าวอยู่ในภาวะที่เสี่ยงภัยสุขภาพต่อสารใด ซึ่งมาจากอุตสาหกรรม การจราจรและการขนส่ง
1. สารกัมมันตรังสี 2.ควันพิษจากโรงงาน 3. สารเบนซีน 4. สารตะกั๋ว
ตอบ ข้อ 3.
11.จำนวนประชากรของประเทศ ปี 2550 มี 71 ล้านคน ประกอบไปด้วยผู้มีงานทำร้อยละเท่าไร
1. ร้อยละ 50 2. ร้อยละ 53 3. ร้อยละ 60 4. ร้อยละ 63
ตอบ ข้อ 2.
12. ข้อใดไม่ใช่เงื่อนไขการจัดลำดับความสำคัญของปัญหา
1. ขนาดของปัญหา
2. ความรุนแรงของปัญหา
3. ความเป็นไปได้ในการแก้ไขปัญหา 4.
5. การมีส่วนร่วมของหน่วยงานเฉพาะภาครัฐเท่านั้น
ตอบ ข้อ 4.
13.ในภาคเกษตรกรรม โรคใดเป็นอันดับ 1 ของโรคประกอบวิชาชีพเกษตรกรรม
1. สารก่อโรคภูมิแพ้ 2. โรคพยาธิใบไม้
3. สารเคมีกำจัดศัตรูพืช 4. โรคไข้มาลาเลีย
ตอบ ข้อ 3.
14.จากภาคเกษตรกรรม ผู้เสี่ยงและไม่ปลอดภัยจากการใช้สารเคมีใด มีถึงร้อยละ 29.4
1. ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ 2. สารตะกั่ว
3. สารออร์กาโนฟอสเฟต 4. สารหนูปนปรอท
ตอบ ข้อ 3.
15. ผลกระทบต่อสุขภาพสิ่งแวดล้อม ที่กำลังเป็นปัญหา คือข้อต่อไปนี้ ยกเว้นข้อใด
1. สารเคมีรั่วไหลที่คลองเตย มีผู้เสี่ยง 105 ราย
2. การปนเปื้อนสารตะกั่วที่ห้วยคลิตี้ จ.กาญจนบุรี ผู้เสี่ยง 5,000 ราย
3. การปนเปื้อนของแคดเมียม จ.ลำปาง ผู้เสี่ยง 6,802 ราย
4. สารหนูปนเปื้อน จ.นครศรีธรรมราช ผู้เสี่ยง 28,000 ราย
ตอบ ข้อ 3. แคมเมียมอยู่จ. ตาก
16.ในภาคอุตสาหรรมและภาคบริการ มีผู้ทำงานร้อยละเท่าไรของประเทศ
1. ร้อยละ 50 2. ร้อยละ 53 3. ร้อยละ 57 4. ร้อยละ 60
ตอบ ข้อ 3.
17.ในภาคอุตสาหกรรม กลุ่มเป้าหมายในการเกิดการเสี่ยงในการประกอบอาชีพในสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก คือข้อใด
1. ฝุ่นหินดินทราย และสารตะกั่ว
2. สารตะกั่ว สารปรอท และเสียงดัง
3. สารตะกั่ว และสารโคบอลต์
4. ฝุ่นหิน ดินทราย สารตะกั่ว และเสียงดัง
ตอบ ข้อ 4.
18.ในภาคบริการ กลุ่มเป้าหมายในการเกิดการเสี่ยงสำคัญในการให้บริการคือข้อใด
1. เจ้าหน้าที่แพทย์และสาธารสุข 2. ผู้ให้บริการตามสถานที่บันเทิง
3. ผู้ให้บริการนวดแผนไทย 4. ผู้ให้บริการร้านอาหาร โรงแรม
ตอบ ข้อ 1.
จำหน่ายเอกสารแนวข้อสอบ กรมควบคุมโรค ทุกตำแหน่ง ใหม่ล่าสุด
รวมทุกอย่างที่ออกข้อสอบ
- ความรู้เกี่ยวกับกรมควบคุมโรค
- เทคนิคการสอบสัมภาษณ์
เลือกตามตำแหน่งที่สอบ
- ตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผน (วุฒิปริญญาโท)
- ตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผน (วุฒิปริญญาตรี)
- ตำแหน่งนิติกร
- ตำแหน่งนักวิชาการคอมพิวเตอร์
- ตำแหน่งเจ้าพนักงานพัสดุ
- ตำแหน่งเจ้าพนักงานคอมพิวเตอร์
ส่งเป็นไฟล์ PDF ทาง E-MAIL ในราคาชุดละ 399 บาท
* ส่งด่วนภายใน 3 ชม. ส่งช้าไม่เกิน 24:00 น. วันที่โอนเงิน * ( ควรดูที่ JUNK MAIL )
สั่งซื้อมาที่ Tel/Line : 087-2141625 หรือ ส่ง SMS aomm2002@gmail.comโอนเงินแล้วแจ้งที่ ส่ง SMS / Line : 087-2141625 taran29
**แจ้งรายละเอียดให้ชัดเจน**
1. ธ. กรุงเทพ ออมทรัพย์ สาขา เซ็นทรัลพระราม 3 เลขที่บัญชี 048-0-17796-3 ชื่อบัญชี Sumalee Thongyot
2. ธ. กรุงไทย ออมทรัพย์ สาขา บิ๊กซีสะพานควาย เลขที่บัญชี 980-6-40570-6 ชื่อบัญชี Sumalee Thongyot
3. ธ. กสิกรไทย ออมทรัพย์ สาขา เซ็นทรัลพระราม 3 เลขที่บัญชี 748-2-66186-0 ชื่อบัญชี Pisitchai Kimchai
4. ธ.ไทยพาณิชย์ ออมทรัพย์ สาขา บิ๊กซีรามอินทรา เลขที่บัญชี 402-398830-4 ชื่อบัญชี Pisitchai & Sumalee
5. ธ. กรุงศรีอยุธยา ออมทรัพย์ สาขา อุรุพงษ์ เลขที่บัญชี 130-1-28490-7 ชื่อบัญชี Pisitchai Kimchai
1. การสื่อสารการระบาด มีความสำคัญอย่างไร
ตอบ การสื่อสารการระบาดเป็นเรื่องใหม่ที่ทุกคนต้องเผชิญทุกๆ วัน และต้องเผชิญในสถานการณ์ที่ ต่างๆ กันเพราะฉะนั้นการที่จะเจอโจทย์หรือสิ่งต่างๆ ที่ไม่เหมือนกันก็ย่อมเป็นไปได้มาก การสื่อสารการระบาดมีความสำคัญมากต่อการควบคุมป้องกันควบคุมโรค ยิ่งไปกว่านั้นอาจช่วยในการป้องกันความตื่นตระหนกที่อาจสร้างความเสียหายรุนแรงซ้ำเติมตามมา ซึ่งในบางครั้งอาจเสียหายมากกว่าผลการระบาดนั้นๆ เช่น อาจทำให้เศรษฐกิจการส่งออกการท่องเที่ยวหยุดชะงัก การเดินทาง การบินหยุดดำเนินการ ฯลฯ ดังนั้น SRRT ต้องเรียนรู้ให้เข้าใจ สามารถใช้ศิลปะการสื่อสารให้เป็นประโยชน์ เพราะนอกจากจะป้องกันความเสียหายดังกล่าวได้แล้ว ยังสื่อให้ประชาชนและผู้เกี่ยวข้องเข้าใจถูกต้องถึงต้นเหตุที่เกิดการระบาด และช่วยกันแก้ปัญหาได้ตรงจุดอย่างพร้อมเพรียง เป็นผลให้การระบาดสิ้นสุดลงได้อย่างรวดเร็ว
2. จงอธิบายเกี่ยวกับทักษะและศักยภาพทางด้านระบาดวิทยา
ตอบ 1. มีทักษะในการสอบสวนโรคเบื้องต้น
1. ศักยภาพในเรื่องของการเฝ้าระวังโรคและพัฒนาศักยภาพด้านข่าวกรอง สามารถทราบได้ว่าเหตุการณ์ใดปกติและเหตุการณ์ใดไม่ปกติ
2. ทักษะการทำงานเป็นทีมและการจัดการ การรับมือการระบาดไม่สามารถทำได้คนเดียว ต้องอาศัยทีมเนื่องจากการระบาดมีระยะเวลายาวนาน
3. ทักษะด้านการสื่อสาร การทำงานถ้าสื่อสารกับประชาชนไม่ได้ สื่อสารกับสื่อมวลชนไม่ได้สื่อสารกับใครไม่ได้ ก็จะก่อให้เกิดปัญหาในการทำงานขึ้นได้ ในแต่ละประเทศทั่วโลกก็มีการพัฒนาขึ้น บางประเทศเป็นทีม RRT ไม่มี SRRT การพัฒนาสมาชิกทีมต้องเลือกคนที่มีทักษะและศักยภาพหลายอย่างมารวมกัน เช่น นักระบาดวิทยา 1 คน นักสื่อสาร 2 คน นักสุขาภิบาล 1 คน เป็นต้น เพราะว่าแต่ละประเภทมีศักยภาพแตกต่างกัน
3. EMERGENCY กับ CRISIS มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ตอบ ความหมายของ EMERGENCY AND PUBLIC HEALTH EMERGENCY
1. เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ผิดปกติจากที่เคยเป็น และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บางทีไม่รู้ว่ามันคืออะไร (Un-expected, Unusual, Rapid occurrence)
2. มีความรุนแรงถึงแก่ชีวิต อัตราการตายสูง
3. มีผลกระทบใหญ่หลวงต่อประชาชนจำนวนมาก
4. แพร่กระจายได้รวดเร็ว เกี่ยวข้องกับอาหาร การเดินทางและการพานิช ค้าขาย ส่งออก Potential spread, quick and relate to Food, Travel and Trade มีโอกาสแพร่กระจายกว้างอย่างรวดเร็ว
5. ยา/มาตรการป้องกันหรือรักษา หรือการลดผลกระทบ อาจไม่ได้ผล ไม่มี หรือเข้าไม่ถึง เช่น ไม่มีวัคซีนไม่มียา ไม่มีหมอ ไม่มีพยาบาลที่จะดูแลเรื่องนี้ได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องอันตราย
ความหมายของ CISIS, AND PUBLIC HEALTH EMERGENCY/CRISIS อาจสรุปได้ 9 ข้อ ดังนี้
1. Unexpected, Unusual, Rapid occurrence
2. Potential Seriousness, Fatality
3. Large Impact, population at risk-large มาก มีผลกระทบขนาดใหญ่ ประชาชนมีโอกาสสูงที่ จะได้รับผลกระทบ
4. Potential Spread, quick and relate to Food, Travel and Trade มีโอกาสแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
5. ยา/มาตรการป้องกัน หรือรักษา หรือการลดผลกระทบ อาจไม่ได้ผล/ไม่มี/หรือเข้าไม่ถึง
6. Potential Panics ความแตกตื่น
7. Nation Wide Impact เป็นระดับชาติ เช่นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
8. ควบคุมได้ยาก หรือควบคุมไม่ได้ (Out of control)
9. ผลกระทบหลายด้าน รุนแรง ยาวนาน โดยธรรมชาติของระดับความรุนแรงของเหตุการณ์ การระบาดเริ่มต้นจากเหตุการณ์การเกิดโรคในระดับปกติก่อน ต่อมาเริ่มผิดปกติเป็นการระบาดแล้วก็ยังไม่เกิดอะไรที่เป็นผลให้เกิดภาวะฉุกเฉิน ถ้ามีการสื่อสารที่ดี ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบแก้ไขให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะลุกลามกลายเป็นภาวะวิกฤตดังตัวอย่าง Hepatitis A ปนเปื้อนในมันฝรั่งแช่แข็ง หรือ Salmonella ปนเปื้อนในไข่ หรือในถั่วลิสงที่ขายไปทั่วโลก หรือ Shigellosis จากข้าวโพดอ่อนที่ผลิตในประเทศไทยส่งไปตะวันตก ฯลฯ
4. โรคหัด (Measles) พบมากในวัยใด
ตอบ โรคหัดเป็นโรคไข้ออกผื่น (Exanthematous fever) ที่พบบ่อยในเด็กเล็ก นับว่าเป็นโรคที่มีความสำคัญมากโรคหนึ่ง เพราะอาจมีโรคแทรกซ้อนทำให้ถึงเสียชีวิตได้
5. โรคหัดติดต่อสามารถติดต่อกันทางใดบ้าง
ตอบ โรคหัดติดต่อกันได้ง่ายมาก โดยการไอ จาม หรือพูดกันในระยะใกล้ชิด เชื้อไวรัสจะกระจายอยู่ในละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย และเข้าสู่ร่างกายโดยทางการหายใจ บางครั้งเชื้ออยู่ในอากาศ เมื่อหายใจเอาละอองที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส (air borne) เข้าไปก็ทำให้เป็นโรคได้ ผู้ติดเชื้อจะเป็นโรคเกือบทุกราย ถ้าไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคเด็กมีโอกาสจะเป็นหัดได้เมื่อภูมิคุ้มกันที่ผ่านมาจากแม่หมดไปเมื่ออายุประมาณ 6-9 เดือน อายุที่พบบ่อยคือ 1-6 ปีถ้าไม่มีภูมิต้านทานจะเป็นได้ทุกอายุ ในประเทศไทย เริ่มให้วัคซีนป้องกันหัดในเด็กอายุ 9-12 เดือน เมื่อ พ.ศ. 2527และให้วัคซีนรวมหัด คางทูม หัดเยอรมัน (MMR) ในนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 (ป.1) เมื่อ พ.ศ. 2540 ทำให้อุบัติการณ์ของโรคลดลงเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี แต่ก็ยังพบโรคได้ประปราย และมีการระบาดเป็นครั้งคราวในชนบท ผู้ป่วยที่พบส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือเป็นในกลุ่มผู้ใหญ่มากขึ้น ผู้ป่วยหัดจะมีเชื้อไวรัสในลำคอและแพร่เชื้อได้ในระยะจาก 1-2 วัน ก่อนที่จะเริ่มมีอาการ (3 ถึง 5 วันก่อนผื่นขึ้น) ไปถึงระยะหลังผื่นขึ้นแล้ว 4 วัน ระยะฟักตัวของโรค จากที่เริ่มสัมผัสโรคจนถึงมีอาการประมาณ 8-12 วัน เฉลี่ยจากวันที่สัมผัสจนถึงมีผื่นเกิดขึ้นประมาณ 14 วัน